เอเอฟพี รายงานว่าหอไอเฟลได้ปิดให้บริการต่อสาธารณะในวันจันทร์ (11 ก.ค.) ที่ผ่านมา หลังเกิดการปะทะกันระหว่างแฟนบอลและตำรวจบริเวณสถานที่สำคัญดังกล่าว ช่วงที่กำลังมีการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลยูโร 2016
โฆษกของฝ่ายบริหารจัดการหอไอเฟล ระบุว่า ทางหอไอเฟลไม่อาจให้บริการในสภาพความปลอดภัยที่เหมาะสม หลังเกิดการปะทะกัน ซึ่งมีวัยรุ่นจุดไฟเผาถังขยะ รถยนต์และสกู๊ตเตอร์ ก่อนที่จะสลายไปเพราะตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูง
ผู้คนประมาณ 40 ราย ถูกจับกุมจากการก่อความไม่สงบบริเวณสถานที่สำคัญแห่งนี้ ที่มีเหล่าแฟนบอลมารวมตัวกันเพราะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในพื้นที่แฟนโซนที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยผู้คนเต็มความจุ 90,000 ราย
บริเวณฐานของหอไอเฟลนั้นเต็มไปด้วยควันของแก๊สน้ำตา ตอนตำรวจปราบจลาจลกำลังเข้าสลายกลุ่มวัยรุ่น ผู้เริ่มจุดไฟตามทางเท้าและขว้างขวดกับวัตถุอื่นๆ เข้าใส่ตำรวจที่ยืนเรียงแถวกันอยู่
ด้วยตัวเลขรวมเกือบ 7 ล้านคน หรือประมาณ 20,000 คนต่อวัน ได้ซื้อตั๋วเพื่อเข้าเยี่ยมชมหอไอเฟลในปี 2015 โดยที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนเหล่านี้เดินทางไกลมาจากต่างแดน เพื่อจะปีนป่ายกระโปรงของเมืองหลวงฝรั่งเศสแห่งนี้ที่ถูกเรียกว่า “ไอออน เลดี้”
ตัวเลขดังกล่าวทำให้หอไอเฟลเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากของเดิมที่เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวสำหรับงาน “ยูนิเวอร์แซล เอ็กซิบิชั่น” เมื่อปี 1889