ความแตกแยกจากปัญหาขัดแย้งด้านเชื้อชาติสีผิวยังคุกรุ่นและเกิดการชุมนุมประท้วงทั่วสหรัฐฯ ติดต่อกันมา 2-3 วัน นับแต่เกิดเหตุตำรวจยิงชาวอเมริกันผิวสีเสียชีวิต 2 ราย แบบค้านสายตาคนทั่วไปและถูกมองว่าเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุที่รัฐมินเนโซนาและหลุยเซียนา เมื่อ 5 และ 6 ก.ค. การชุมนุมทวีความรุนแรงที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อ 7 ก.ค. เมื่อนักแม่นปืน (สไนเปอร์) ซุ่มยิงตำรวจเสียชีวิต 5 นายและยิงคนอื่นๆบาดเจ็บอีก 9 คน ขณะมีการชุมนุมต่อต้านตำรวจในเมืองดัลลัส ส่วนสไนเปอร์ที่ทราบชื่อต่อมาคือ นายมิกาห์ จอห์นสัน ทหารกองหนุนวัย 25 ปี ถูกจับตายโดยตำรวจใช้หุ่นยนต์ลำเลียงระเบิดเข้าจัดการเด็ดชีพยุติจบสถานการณ์ยิงปะทะกัน
ล่าสุดเมื่อ 10 ก.ค. ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ยังคงพยายามหาทางผ่อนคลายสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หลังเมื่อวันก่อนได้ออกมาพูดยืนยันอเมริกาไม่ได้ถูกแบ่งเป็นฝักฝ่าย ปัญหาวันนี้ยังไม่เลวร้ายถึงขั้นในยุคอดีต โดยผู้นำสหรัฐฯ แถลงระหว่างการเยือนสเปนและเป็นการพูดเรื่องเดียวกันเป็นวันที่ 4 แล้ว โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้าใจกันและกันมากขึ้น ขอให้กลุ่มผู้ประท้วงยอมรับว่าตำรวจต้องทำงานที่ยากลำบาก ส่วนตำรวจก็ขอให้รับฟังข้อร้องเรียนที่ว่าได้ใช้กำลังเกินกว่าเหตุและอดทนน้อย โดยเฉพาะคนกลุ่มน้อยและจะเป็นผลดีกับตำรวจ ถ้าชุมชนให้ความเชื่อมั่น
ถ้อยแถลงดังกล่าว น่าจะเป็นการพูดเกริ่นไว้ก่อนโอบามาเดินทางกลับจากสเปนและจะเดินทางไปร่วมและกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีไว้อาลัยตำรวจ 5 นายเหยื่อสไนเปอร์ ที่เมืองดัลลัสตามคำเชิญของนายไมเคิล รอว์ลิง นายกเทศมนตรีเมืองดัลลัสในวันที่ 12 ก.ค.
ส่วนการชุมนุมประท้วงยังคงมีอย่างต่อเนื่องในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ รวมทั้งเมืองบาตัน รูจ เมืองเอกรัฐลุยเซียนา ระหว่างนี้มีการเผชิญหน้ากับตำรวจปราบจลาจลเป็นระยะๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นการชุมนุมที่สงบ แต่ก็มีผู้ชุมนุมทยอยถูกจับหลายคนเพราะฝ่าฝืนคำสั่งตำรวจด้วยการอยู่กีดขวางทางด่วนและอื่นๆ ขณะที่ตำรวจเมืองดัลลัสเผยด้วยว่า นายจอห์นสันที่เป็นมือสไนเปอร์ กำลังมีแผนก่อเหตุโจมตีครั้งใหญ่กว่าการซุ่มยิงสังหารตำรวจ 5 นายเมื่อ 7 ก.ค. ซึ่งเขาใช้ยุทธวิธียิงและเคลื่อนที่ต่อสู้กับตำรวจก่อนถูกสังหารโดยระเบิดติดหุ่นยนต์ของตำรวจ ซึ่งยังต้องสืบหาความหมายของอักษร “RB” ที่จอห์นสันใช้เลือดเขียนไว้ใกล้จุดที่เขาถูกสังหาร.