จ่อจับ 2 เจ้าหน้าที่ระดับสูงโรงกษาปณ์ หลังสอบพบว่าเป็นคนฉกเหรียญมงคลที่ระลึกสมเด็จพระเทพฯ 5 รอบ 60 พรรษา ทองคำแท้จำนวน 50 เหรียญ มูลค่า รวม 1.5 ล้านบาท จากตู้เซฟโรงกษาปณ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ยันคนธรรมดาไม่อาจ เข้าถึงเหรียญที่หายไป เพราะระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก ต้องเป็นฝีมือคนในและทำเป็นขบวนการ เตรียมล้อมคอกติดกล้องวงจรปิดเพิ่มภายในตู้เซฟจากกรณีเหรียญมงคลที่ระลึกสมเด็จ พระเทพฯ 5 รอบ 60 พรรษา ทองคำแท้มูลค่าเหรียญละ 30,000 บาท จำนวนถึง 50 เหรียญ รวม 1.5 ล้านบาท หายจากตู้เซฟโรงกษาปณ์ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นเหรียญที่มีตำหนิรอส่งคืนโรงหล่อ เบื้องต้นตำรวจมุ่งเป้าไปที่คนในเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากมีผู้ถือกุญแจตู้เซฟดังกล่าวเพียง 3 คน เร่งสอบสวนหาตัวคนร้ายตามข่าวที่เสนอไปแล้วเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท. ภูริสิทธิ์ ทับทิม รอง ผกก..สส.บก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมพ.ต.ท.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ สว.สส.สภ.คลองหลวง ร่วมประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเกี่ยวกับความคืบหน้า กรณีเหรียญทองคำที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่หายไปจากตู้เซฟในห้องตีตรา ภายในโรงกษาปณ์ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จำนวน 50 เหรียญ มูลค่าเหรียญละ 30,000 บาท รวม 1.5 ล้านบาทวันเดียวกัน พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ภ.จว.ปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ร่วมกันสืบสวนสอบสวน จนทราบว่าเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของโรงกษาปณ์เข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คลองหลวง ไว้เป็นหลักฐานเนื่องจากมีเหรียญทองคำหายไป และในวันที่ 7 ก.ค. น.ส.สมรัก ตั้งในคุณธรรม อายุ 59 ปี ผอ.สำนักกษาปณ์ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สุวิทย์ ปะกำแหง สว.(สอบสวน)สภ.คลองหลวง เรื่องเหรียญที่หายไป”จากนั้นเจ้าหน้าที่เรียกผู้ที่ทำงานอยู่ ใกล้ห้องตีตรา ที่มีทั้งหมดกว่า 30 คน มา สอบสวนใกล้จะครบแล้วเหลือเพียงไม่กี่คน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่พอจะทราบถึงตัวคนร้ายแล้ว และอยู่ในระหว่างรวบรวม หลักฐานที่แน่ชัดอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นนั้น มีบุคคลที่ถือกุญแจอยู่จำนวน 3 คน” ผบก.ภ.จว.ปทุม ธานีกล่าวพล.ต.ต.ถาวรกล่าวว่า ผู้ที่ถือกุญแจเซฟนั้นได้แก่ นายสุชาติ ต่อเติม หัวหน้าช่าง นายสมยศ จันทร์แก้ว ช่างตีตรา และน.ส.จำลอง สุขขันนี ผู้ช่วยช่างตีตรา แต่หลักๆ จะมี นายสุชาติและนายสมยศ ที่เป็นคนถือกุญแจเซฟ โดยตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมของโรงกษาปณ์ พบว่าเหรียญยังคงอยู่ครบ กระทั่งวันที่ 21 พ.ค. น.ส.สุกัญญา ชูช่วย มาขอเปิดเซฟถ่ายภาพเพื่อทำผลงานโดยมีนายสมยศ เป็นผู้มาเปิดให้จึงทราบว่า มีเหรียญทองคำหายไป 2 ถาด จำนวน 50 เหรียญด้านพ.ต.อ.สมหมาย ประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานที่มีความพร้อมและจะสามารถออกหมายจับได้ ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ ซึ่งผู้ต้องหาน่าจะมี 1-2 คนขึ้นไปอย่างแน่นอน โดยพล.ต.ต.ถาวร จะเข้าไปตรวจสอบภายในห้องตีตรา โรงกษาปณ์ อีกครั้งก่อนที่จะสรุปผลการสอบสวน และออกหมายจับกุมคนร้ายต่อไปรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนแจ้งว่า จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานอยู่ใกล้ห้องตีตรา ทราบว่า เมื่อประมาณปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ระดับสูง รายหนึ่ง เปิดตู้เซฟและนำเหรียญทองคำ ออกไปจำนวน 2 ถาด โดยขณะนั้นมีผู้อยู่ ในห้องเก็บเซฟรวมเจ้าหน้าที่ระดับสูงราย ดังกล่าว ทั้งสิ้น 4 คน โดยหนึ่งในนั้นได้สอบถามว่า นำเหรียญดังกล่าวออกไปทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบ กระทั่งมีการตรวจสอบอีกครั้งจึงทราบว่าเหรียญหายไปกระทั่งมีการแจ้งความในที่สุดนอกจากนั้นการสืบสวนในทางลับทราบว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนายสมยศ จันทร์แก้ว ช่างตีตรา เคยถูกนายประตูโรงกษาปณ์ พบเหรียญในร่างกายหลังจากเลิกงานแล้ว แต่มีผู้ใหญ่ระดับสูงมาเคลียร์ให้เรื่องเลยจบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชิญนายสมยศมาสอบปากคำได้ความว่า ทราบว่ามีเหรียญทองคำหายไปจริง ก่อนที่จะมีการมาแจ้งความ แต่ไม่ทราบว่า หายไปไหน หรือหายไปเมื่อใด และใครเป็นผู้นำเหรียญไป ซึ่งในเบื้องต้น ยังให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้เป็นผู้นำไปวันเดียวกันนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สั่งการให้ทบทวนการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่โรงกษาปณ์ทั้งหมด โดยต้องพิจารณาว่าคู่มือที่ถือปฏิบัติมานั้นมีข้อไหนบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพราะอาจล้าสมัย รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่จะพิจารณาให้ติดมากขึ้นโดยเพิ่มในจุดสำคัญๆ เช่น ภายในห้องเก็บตู้เซฟที่ปัจจุบันยังไม่มีนายจักรกฤศฏิ์กล่าวว่า เท่าที่รับทราบมาจำนวนและจุดที่ติดตั้งกล้องได้ตามมาตรฐานสากลด้านการรักษาความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดใน การปฏิบัติหน้าที่มากยิ่งขึ้น แม้ว่าเท่าที่ได้ลงพื้นที่ดูงานที่โรงกษาปณ์ก่อนหน้านั้น พบว่ามีความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยอย่างมากไม่มีการเลือกปฏิบัติ และครั้งล่าสุดก็คือหลังจากที่พบว่าเหรียญหายไป เจ้าหน้าที่ก็ยังเข้มงวดเหมือนเดิมนายจักรกฤศฏิ์กล่าวยืนยันว่า การที่เหรียญหายไปมากถึง 50 เหรียญ ต้องเป็นฝีมือของคนภายในแน่นอน อาจทำเป็นขบวนการเพราะก่อนเข้าออกจะมีการตรวจเอกซเรย์ร่างกายทุกครั้งห้ามพกเหรียญใดๆ เข้าออก และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่มีส่วนการทำผิดจะได้รับโทษทั้งทางอาญาและโทษทางวินัยขั้นสูงสุดอย่างแน่นอน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิด”ตอนผมไปเยี่ยมชมที่นี่มีการตรวจสอบละเอียดมากไม่มีการยกเว้น การที่คนคนหนึ่งสามารถนำเหรียญออกมาได้ถึง 50 เหรียญ จึงไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปธรรมดาจะทำได้ แต่ต้องได้รับการช่วยเหลือจากคนในโรงงานอย่างแน่นอน” อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าว