นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีนำหัวหน้าส่วนราชการและประชาชน ประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่ออัญเชิญประกอบพิธีทำน้ำมุรธาภิเษก และน้ำอภิเษก เพื่ออัญเชิญสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
โดยในเวลา10.30 น. นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยไปประจำจุดหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ถวายความเคารพและเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพร ถวายความเคารพ
จากนั้น รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเดินไปยังโต๊ะบวงสรวงจุดธูปเทียนบูชาเพื่อประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยอ่านคาถาพลีกรรมตักน้ำ และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีอ่านคาถาพลีกรรมตักน้ำ ตามลำดับ
เวลา 11.52 น. นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเข้าประจำจุดและประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่ออัญเชิญประกอบพิธีทำน้ำมุรธาภิเษก จากนั้นนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเข้าประจำจุดและประกอบ พิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่ออัญเชิญประกอบพิธีทำน้ำอภิเษก โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและประชาชน เข้าร่วมพิธี ณ แม่น้ำป่าสัก บ้านท่าราบ ต.ต้นตาล อ. เสาไห้ จ.สระบุรี จากนั้นได้อัญเชิญขบวนน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นฝั่ง พร้อมมอบขันน้ำสาครพร้อมที่ตักให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อนำขึ้นรถบุษบกซึ่งประดิษฐานอยู่บนราชรถเกวียน เพื่อนำไปยังภายในมณฑปรอยพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อเตรียมทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ตามฤกษ์ที่สำนักพระราชวังกำหนด โดยขบวนอัญเชิญประกอบไปด้วยขบวนกังสดาล ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ขบวนกลองประโคม ขบวนช่างฟ้อนนางรำ ขบวนนางยวน จำนวน 266 นาง ชักลากราชรถเกวียน ขบวนทหารโบราณและขบวนตุง
จังหวัดสระบุรีประกอบพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ โยนกอุทยานท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดสระบุรี หมู่ 6 บ้านท่าราบ ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จ.สระบุรี เรื่องราวของท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมาแต่อดีตตั้งแต่เมื่อครั้งต้นราชวงศ์จักรีความว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จหัวเมืองปริมณฑลจังหวัดสระบุรี พระองค์ทรงเรือพระที่นั่งมาติดสันดอนกลางหาดแม่น้ำป่าสัก ณ บ้านท่าหินลาดตำบลท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ครั้นเมื่อการเป็นเช่นนั้นจึงได้เกณฑ์ไพร่พล บริเวณริมข้างลำน้ำเพื่อที่จะชักลากเรือให้พ้นเขตสันดอน เรือได้ชักลากโดยกรมวังเกณฑ์หญิงสาวชาวพายัพ หรือในปัจจุบันคือกลุ่มชาวไทยยวนได้ชักลากเรือจำนวน 217 นางเพื่อให้พ้นสันดอนจนมาถึงบ้านท่าราบหมู่ 6 ตำบลท่าราบ อำเภอเสาไห้ ระยะทาง 1 กิโลเมตรเศษ พระองค์ทรงให้หยุดพักและทรงเสด็จพระราชดำเนินยังหาดทรายสีขาวแล้วเสด็จพระราชดำเนินเลียบหาดทรายและสรงน้ำจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยจึงได้พระราชทานเงินรางวัลแด่ผู้ที่ชักลากเรือในคราวนั้นเป็นเหตุให้ท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์สระบุรีได้เป็นท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเบญจสุทธิคงคาเพื่อที่จะนำน้ำเข้าพิธีบรมราชาภิเษกในลำดับรัชกาลถัดไป
โดยน้ำท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้เป็นน้ำมหามุรธาภิเษกคือคือน้ำรดพระเศียรพระเจ้าแผ่นดินซึ่งมีเพียง 9 แหล่งน้ำคือ 4 สระน้ำจากจังหวัดสุพรรณบุรี น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำบางปะกง น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำเพชรบุรี น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำราชบุรี และน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำป่าสัก ณ บ้านท่าราบตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นที่น่าภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวจังหวัดสระบุรีเป็นอย่างยิ่ง
/ดำรงค์ชื่นจินดาผู้สื่อช่าวสระบุรีรายงาน