วันนี้ วันจันทร์ที่ 28 ม.ค.62 เวลา 11.00 น.พลตำรวจตรี อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.)ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และ พันตำรวจเอก ธีระชัย ชำนาญหมอ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบก.สส.บช.น.) โดยกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ภายใต้การอำนวยการ พันตำรวจเอก พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผู้กำกับการกองกำกับการ (ผกก.กก.) วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษฯ พร้อมด้วย พันตำรวจโท นพดล เจริญทรัพย์,พันตำรวจโท สมรวย อินต๊ะนัย,พันตำรวจโท ธิติพงษ์ สียา รองผู้กำกับการกองกำกับการ (ผกก.กก.) วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษฯ,พันตำรวจตรี พิทักษ์ ศรีกระแจะ,ร้อยตำรวจเอก กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สารวัตรกองกำกับการ (สว.กก.) วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษฯ,ร้อยตำรวจเอก ศราวุฒิ พิมพ์สุภาพร,ร้อยตำรวจเอก เกวิน แสงนาค,ร้อยตำรวจเอก สิทธิเดช หาญจริง ,ร้อยตำรวจโท พิชิต สนธิโพธิ์ รองสารวัตรกองกำกับการ (รองสว.กก.) วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าว และเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.)
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายเอกลักษณ์ ชุมทอง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/2 หมู่ 2 ถนนราษฏร์อุทิศ ซอย 3 ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.50/2562 ลงวันที่ 23 มกราคม 2562 โดยกล่าวหาว่า “ห้ามมิให้นักมวยรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้นักมวยกระทำการล้มมวย”
พ.ต.อ.นพศิลป์ฯ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากหัวหน้าค่ายสิงห์มาวินและผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการสืบสวนๆเนื่องจากเชื่อว่า ในการแข่งขันระหว่างนักมวยคือนายเอกลักษณ์ ชุมทอง หรือ ฉายาในวงการว่า “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ซึ่งได้ขึ้นชกกับ “ดาวก.กัมปนาท” ได้ขึ้นชกเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 ที่เวทีราชดำเนิน ใน ศึก ส.สมหมาย นั้น เชื่อว่ามีขบวนการล้มมวยว่าจ้างให้นักมวยล้มมวยเพื่อหาประโยชน์ในการกำหนดผลการแข่งขันดังกล่าว
ต่อมา บก.สส.บช.น.ได้ทำการตรวจสอบจากบันทึกเทปการแข่งขันและการตรวจสอบจากเทคนิค จึงได้พบว่ามีการล้มมวยในการชกไฟท์ดังกล่าวจริง เพราะในการชกในครั้งนั้น “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” หรือ นายเอกลักษณ์ฯ นั้นมีความเป็นต่อ คู่ต่อสู้เป็นอย่างมากแต่ต่อมากลับไม่ยอมชกและไม่มีการตอบโต้ใดๆ จนเป็นเหตุให้พ่ายแพ้ไปในการชกไฟท์ดังกล่าว
จนกระทั่งต่อมาเมื่อตรวจสอบทางเทคนิคจึงได้พบว่ามีการว่าจ้างให้ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ทำการล้มมวยจริงโดยค่าจ้างในการล้มมวยในครั้งนั้นเป็นค่าจ้างจำนวน 60,000 บาท โดยผู้ที่ว่าจ้างให้ทำการล้มมวยคือ นายวรพัทธ์ รัตน์สิรสมโภช หรือ เซียนเอก ซึ่งต้องการกระทำเพื่อกำหนดผลการแข่งขันเพื่อประโยชน์ในทางการพนันของกลุ่มตน
ส่วนนักมวยนั้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งเงินสินบนค่าจ้างจากเซียนมวย นักมวยได้ล้มมวยโดยการแสร้งแพ้ ใช้วิธีไม่ออกอาวุธต่อสู้ จนแพ้และได้รับเงินค่าจ้างล้มมวย อันเป็นความผิดตาม พรบ.กีฬามวย พ.ศ.2542 อันเป็นความผิดตามกฏหมาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และต่อมา พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้งได้ขออนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องคือ นายเอกลักษณ์ ชุมทอง หรือ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ในความผิดฐาน “ห้ามมิให้นักมวยรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้นักมวยกระทำการล้มมวย” ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.50/2562 ลงวันที่ 23 มกราคม 2562 และนายวรพัทธ์ รัตน์สิรสมโภช หรือ “เซียนเอก” ในความผิดฐาน ”ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักมวยหรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้นักมวยกระทำการล้มมวย” ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.49/2562 ลงวันที่ 23 มกราคม 2562
ซึ่งต่อมานายเอกลักษณ์ ชุมทอง หรือ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ได้ติดต่อเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนฯ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนฯ ได้จับกุมตามหมายจับนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบทางเทิคยังพบว่ามีขบวนการล้มมวยเช่นนี้อีกหลายไฟท์โดยขณะนี้ บก.สส.บช.น. อยู่ในระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลจับกุมขบวนการเหล่านี้เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ธีระชัยฯ กล่าวว่า ขอเรียนพี่น้องประชาชนและฝากถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องในวงการกีฬาว่า ควรมาช่วยกันพัฒนาวงการกีฬาของประเทศให้พัฒนาไปในทางทีดีและให้เป็นนักกีฬาอาชีพ โดยเฉพาะมวยไทยอันเป็นกีฬาประจำชาติเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับวงการกีฬาและตัวนักกีฬาเองก็ควรฝึกฝนให้เป็นมืออาชีพเอาชนะได้โดยสุจริตผลและโอกาสในภายภาคหน้าเชื่อว่ามีผลตอบแทนตามความขยันฝึกซ้อมและความสามารถของแต่ละคน ทั้งนี้หากผู้ใดยังมีพฤติการณ์เช่นนี้อีกหาก บก.สส.บช.น.หากตรวจพบจะเข้าไปดำเนินคดีทุกราย ทั้งนี้ในอนาคตต่อไปอาจมีการไปสุ่มตรวจผลการแข่งขันของไฟท์ที่น่าสงสัยและหากพบการกระทำผิดก็จะดำเนินคดีทุกรายเช่นกัน โดยผู้ใดมีเบาะแสหรือพยานหลักฐานอย่างใด ให้แจ้งมาได้ทางเพจเฟสบุ๊ค ของ “บก.สส.บช.น” หรือ “วิเคราะห์ข่าวนครบาล ” เพื่อมาร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาวงการกีฬาของไทยให้เจริญก้าวหน้าและมีความน่าเชื่อถือ มีภาพลักษณ์ที่ดีต่อชาวไทยและชาวต่างชาติต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน