ข่าวความคืบหน้านายไพบูลย์ ศรีทอง อายุ43 ปี ชาวปราจีนบุรีถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษี 483 ล้านบาท ซึ่งทางสรรพากรแจ้งยอดที่ไม่ได้ยื่นเสียภาษีให้ทราบ
แต่เจ้าตัวไม่ไปชำระภาษีหลายปี นายไพบูลย์ ศรีทอง ได้ร้องทุกข์ผ่านสื่อเมื่อวันที่ 13 มค.ที่ผ่านมา วันนี้นายไพบูลย์ได้เดินทางเข้าพบกับ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง
ผบก.ภวจ.ปราจีนบุรี ที่ห้องทำงาน โดยที่นายไพบูลย์เดินทางมากับภรรยาด้วยสีหน้าเคร่ง
เครียด ผบก.ได้เรียกพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องและผกก.เมืองมาร่วมรับฟังเรื่อง
ราวที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.ราเดช ได้ถามถึงเรื่องที่ถูกเรียกเก็บภาษีจากสรรพากรตามที่รับแจ้ง
ได้มีการจัดตั้งบริษัทจริงหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่าไม่เคยจัดตั้งบริษัทอะไรเลยและไม่รู้
เรื่องด้วยกระทั่งได้รับหนังสือจากสรรพากรให้ไปชำระภาษีค้างจ่าย 3 ครั้ง ครั้งแรก
29 ล้านบาท ครั้งที่ 2335 ล้านบาท ครั้งที่ 3 จำนวน 483 ล้านบาทรวม 847 ล้านบาท ตนไม่ได้รู้เรื่องเลยกระทั่งถูกแจ้งความและถูกฟ้องขึ้นศาล ผบก.กล่าวว่าวันนี้จากการสอบ
ถามและดูจากเอกสารเชื่อตามเอกสารของเจ้าหน้าที่แจ้งมา แม้วันนี้นายไพบูลย์จะยืนยัน
ไม่รู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยกับเรื่องนี้ จากนี้ไปจะให้เจ้าหน้าที่เช็คที่มาที่ไปทั้งหมด อีกทั้งเส้นทางการเงินของบุคคลที่ผัวพันเรื่องนี้ตั้งแต่คนแรกจนถึงคนสุดท้าย นายไพบูลย์ก็ต้องถูกสอบสวนด้วยเพราะมีพยานหลักฐานอยู่หลายอย่างที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีอยู่ ซึ่งวัยนี้เมื่อเจ้าตัวมาร้องขอความเป็นธรรมก็ให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองปราจีนบุรีไว้ก่อนส่วนรายละเอียดต่างๆที่มีเงื่อนงำอยู่จะรู้เรื่องทั้งหมดในเร็วๆนี้จากนั้นนายไพบูลย์ได้เดินทางไปแจ้งความที่สภ.เมื่องปราจีนบุรีพนักงานสอบสวนร ต.อ.สุรเดช มูลอ้ายได้รับแจ้งความไว้แล้วผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้แนะนำว่าให้ไปแจ้งความร้องทุกข์แก่ ปปง.อีกทางจะ
ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของปีผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าว วันนี้นายไพบูลย์ได้เริ่มต้น
ใหม่ในการที่จะต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง ที่ผ่านมาอาจถูกคนหลอกหรือปลอมแปลงเอกสารไปจัดตั้งบริษัทและมีการเลี่ยงภาษีมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยภาษีของบริษัทดังกล่าวประจำปี 61 หากสรรพากรแจ้งมาอาจสูงนี้…
ภาพ/ข่าว:ทองสุข สิงห์พิมพ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี/รายงาน…