เช้าวันนี้(15 มกราคม 2562) ณ บ้านนาคำแก้ว ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ดร.ภูมิรวิชญ์ ชัยภูริหิรัณยกุล หรือหลายคนมักเรียกว่า “หมอเทวดา” ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ไทย ชีวะเวชศาสตร์านวยการ ผู้อํานวยการศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยภูมิรวิชญ์ ร่วมกับทาง ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย และ ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน ได้นำเอา “หมออาสาแพทย์แผนไทย กว่า 30 คน” ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และเป็นโรคที่ทางโรคพยาบาลไม่สามารถรักษาได้โดยเฉพาะโรคเฉพาะทาง ด้านต่าง ๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ มาทำการรักษากันเป็นจำนวนมาก และจะมีการดำเนินการต่อไปทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และ จังหวัดต่าง ๆ และจะดำเนินการเปิด “โรงพยาบาลแพทย์แผนไทย” เป็นแห่งแรกของประเทศไทย
ดร.ภูมิรวิชญ์ ชัยภูริหิรัณยกุล หรือหลายคนมักเรียกว่า “หมอเทวดา” ได้กล่าวว่า หลังจากที่ศึกษาแล้วพบว่า ตามหลักวิชาการแพทย์ปัจจุบันให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ คือการเจ็บป่วยหากไม่ได้รับเชื้อโรคจากภายนอกมาสู่ร่างกาย การป่วยนั้นเกิดจากผิดปกติหรือความเสื่อมของเซลล์ร่างกาย ต้องรักษาอาการของโรคตามวินิจฉัยของแพทย์แผนปัจจุบัน ใช้หลักวิทยาศาสตร์ เน้นเทคโนโลยี ยาปฏิชีวนะ หรือเคมีบำบัด ส่วนหมอแผนจีนโบราณ บอกว่า การเจ็บป่วยเกิดจากหยินและหยาง พลังซึ่งคู่กัน หากเท่ากันจึงจะสร้างความสมดุล แต่ถ้าข้างใดข้างผิดเพี้ยนก็จะเกิดความไม่สมดุลของร่างกาย การรักษาต้องให้เกิดความสมดุลเกิดขึ้นด้วยการใช้มือจับชีพจรที่ข้อมือ หรือจับแมะ แล้วบอกอาการโรคและรักษาด้วยการฝังเข็ม
ขณะที่แพทย์แผนไทยที่ระบุว่า การเกิดโรคนั้นมาจากความไม่สมดุลของร่างกาย การรักษาต้องใช้วิธีธรรมชาติบำบัด เพื่อปรับความสมดุลให้เกิดขึ้น โรคก็จะหาย โดยโรคเหล่านี้เกิดมาจากพฤติกรรมในการดำรงชีพ อาทิ อาหารการบริโภค อิริยาบถในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งนั่ง ยืน นอน ที่เกินความพอดีนั่นเอง
“ผมเสียแม่ไปคนหนึ่ง ทั้งที่เราเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุข แต่เท่าที่เห็นอยู่มีคนที่ยากจน พระ คนพิการ ที่เข้าไม่ถึงการบริการสุขภาพจำนวนมาก โดยเฉพาะโรคหัวเข่าเสื่อม ปวดหลัง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคเกาต์ ความดัน โรคปวดหัวข้างเดียว หรือไมเกรน และอีกหลายโรค ไปหาหมอแผนปัจจุบันจ่ายยารักษาอาการได้แค่ระงับการเจ็บปวด หรือยับยั้งอาการ หลายโรคต้องกินยาต่อเนื่อง ไม่หายขาด ผมมองว่า ถ้าเรารักษาด้วยวิธีบำบัดธรรมชาติ ที่สามารถให้หายขาดได้ มีความเป็นไปได้ขนาดไหน ตรงนี้จุดประกายที่ทำให้ผมสนใจแพทย์แผนไทยขึ้นมา
ในที่สุดเขาตัดสินใจเปิดศูนย์พัฒนาแพทย์แผนไทย เพื่อรักษาโรคที่เกิดจากความไม่สมดุลของร่างกาย โดยเฉพาะโรคหัวเข่าเสื่อม เส้นเลือดตีบ ปวดหลัง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคปวดหัวข้างเดียวหรือไมเกรน รวมถึงโรคเกาท์ ความดัน และอีกหลายโรคที่ไม่ใช่โรคติดเชื้อหรือโรคติดต่อ ด้วยธรรมชาติบำบัด อาทิ การนวด กด จับจุด ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดความไม่สมดุลในร่างกาย และรักษาด้วยสมุนไพร กระนั้นก็ตาม การเปิดกิจการ แม้ส่วนหนึ่งที่ ภูมิรวิชัย ตั้งใจจะช่วยเหลือคนยากจนจริงๆ โดยไม่คิดค่ารักษา แต่สำหรับผู้ที่มีความพร้อม หรือคนมีฐานะต้องคิดเงิน บางคนมีรายได้บ้างแต่ไม่มากนัก อาจจะคิดครึ่งราคา โดยที่ทีมงานจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะและตามความเป็นจริง เพราะศูนย์มีค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสูงพอสมควร “ผมภูมิใจมากที่ได้ช่วยคนจน คนพิการ และพระ ให้หายจากโรค และจากความทรมานได้ เพราะการเป็นโรคนั้นทรมานมาก แต่ก็ยังว่าทีมงานมีจำนวนจำกัด ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ บางคนไปรักษาที่อื่นไม่หาย ทั้งผู้ที่ชื่อเสียงในวงการบันเทิง การเมือง ข้าราชการ ที่มาบำบัดรักษาที่นี่ บางคนมา 4-5 ครั้งก็หาย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการด้วย”
สำหรับวิธีการบำบัดรักษานั้น เริ่มจากวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่า เป็นอะไร ที่มาอย่างไร จะรักษาได้หรือไม่ หากเกินความสามารถ และอาจไม่ปลอดภัย จะแนะนำด้วยวิธีอื่น แต่หากอยู่ในเงื่อนไขที่จะบำบัดรักษาได้ ต้องคุยถึงระยะเวลา ที่ผู้ป่วยจะรับได้หรือไม่ เมื่อตกลงกันแล้วจะรักษาตามคอร์สตามหลักสูตรที่เรียนมา บางครั้งต้องใช้เวลาอาจจะเกิน 10 ครั้ง (อาทิตย์ละครั้ง) ขึ้นอยู่กับอาการด้วย
ข้อมูลข่าว ดร.อานนท์ แสนน่าน
ทศพร ก้อนแก้ว รายงาน