วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม 2562 นายวัชระ เพชรทอง อดีต.สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ โฆษกรัฐบาล ที่ประกาศว่า พรรคพลังประชารัฐ จะได้สส.กทม.15 ที่นั่ง ว่า เป็นเพียงราคาคุยของพวกนักเรียนนอกเพื่อสร้างราคาของ (กลุ่ม 3 กุมาร) คือ นายพุทธิพงศ์ นายสกลธี ภัทริยกุล และ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ “รองหัวหน้าพรรค พปชร.” เพิ่อให้ “คสช.” เห็นว่ากลุ่มจะได้ “สส.” ถึง 50% ของพื้นที่ใน กทม. ซึ่งความเป็นจริงนั้นชาว กทม. จะให้บทเรียนที่แท้จริงแก่ “รัฐบาล” ในวันเลือกตั้ง จึงขอให้ใจเย็นๆ
หาก “พปชร.” ได้ “สส.” กทม.ถึง 15 คนจริงๆทำไม (กลุ่ม 3 กุมาร) จึงไม่มีใครกล้าแม้แต่คนเดียวที่จะลง “สส.” ในเขตเดิมของตนเองที่เคยเป็น “สส.” มาก่อนเพราะเดิมทีที่เคยได้เป็น “สส.” นั้นไม่ใช่ได้เพราะตัวเองแต่ได้เพราะบารมีของ พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ ประชาธิปัตย์ ถูก คสช. แช่แข็งก็ทิ้งพรรคไปเสพสุขกับเผด็จการทหารคนอย่างนี้ “คบได้ไหม” เพราะฉะนั้นอย่ามา “โม้” กับชาวกรุงเทพว่า “พรรคทหาร” จะได้ 15 ที่นั่ง ขนาดตัวเองก็ยัง (ไม่กล้าลงสมัคร สส. เขต) ด้วยซ้ำ
ส่วน นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ “รมว.พาณิชย์” (เลขาธิการพรรค พปชร.) ที่อ้างว่าพรรคนี้ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของและบอกว่าอีก 4 ปี รถไฟฟ้า กทม. จะดีกว่านิวยอร์อีกนั้น “นายสนธิรัตน์” ถาม “นาสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” และ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” แล้วหรือยังที่อ้างว่าประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ พปชร. ถ้า “นายสนธิรัตน์” กล่าวว่า คสช. เป็นเจ้าของจะดูมีเหตุผลมากกว่ามาอ้างว่าประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ เพราะสิ่งที่พปชร.กำลังกระทำไม่แตกต่างอะไรกับพรรคสหประชาไทยสมัย (จอมพลถนอม กิตติขจร) เป็นเพียงพรรคเฉพาะกิจเพื่อสืบทอดอำนาจหรือไม่ให้ถามประชาชนทุกคนได้เลย “นายสนธิรัตน์” เป็นเจ็กที่ขี้โม้คนหนึ่งสมกับลูกน้องมือขวาของ “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่บอกว่าอีก 4ปี รถไฟฟ้า กทม. จะดีกว่านิวยอร์คมันจะดีกว่าได้อย่างไรหากการ (คอร์รัปชั่น) ยังคงมีอย่างมโหฬารในทุกวันนี้ “ผม” จึงไม่เชื่อน้ำยาใดๆของ “นายสนธิรัตน์” เพราะขนาดเป็น “เลขาธิการพรรคการเมือง” แล้วยังไม่มีจริยธรรม (ลาออกจากตำแหน่ง รมว.พาณิชย์) เลย
ส่วนกรณีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง “สส.” นั้น มีข่าวว่าส่งมาที่ทำเนียบรัฐบาลนานแล้วจริงหรือไม่รัฐบาลควรชี้แจงเรื่องนี้ให้สิ้นความสงสัยเพราะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา “นายกรัฐมนตรี” มีผลประโยชน์ทับซ้อนนด้วยเหตุที่ว่าพรรค “พปชร.” ไปปราศรัยทุกเวทีว่าคือ “พลเอกประยุทธ์” บุคคลที่พรรค “พปชร.” เสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค “พปชร.” ผู้คนจึงสงสัยในพฤติกรรมลับๆล่อๆของ พลเอกประยุทธ์ “นายกรัฐมนตรี” และแทบไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดคณะรัฐประหารก็ยอมตกอยู่ภายใต้การนำของบรรดานักการเมืองที่ “พลเอกประยุทธ์” เคยด่าว่าแล้วประเทศจะปฏิรูปไปตามที่ “พลเอกประยุทธ์” เคยแถลงไว้ได้อย่างไรมันเป็นการเมืองน้ำเน่ายิ่งกว่าที่เคยเป็นมาเสียด้วยซ้ำเสียดายเวลาและโอกาสของประเทศที่สูญหายไปจริงๆและประชาชนก็ยังยากจนอยู่เช่นเดิมมีแต่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาลในพริบตา.
————————-