ในช่วงเช้าของวันนี้ 22 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ ดร.ภาณุพงศ์ พิพยเศวต นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี เพื่อสอบถามเรื่องผอ.โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองสระบุรีได้ถูกเพจดังโจมตีถึงการทำงาน ทางนายกฯ ได้กล่าวว่า ได้มีเพจดังที่ลงรูปและข่าวโจมตีการทำงานของ ผอ.โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดทองพุ่มพวง) ในสังกัดเทศบาลเมืองสระบุรีจริง ที่เด็กหญิงอายุ 12 ปีที่ถูก 5 ทรชนรุมโทรม เรียนอยู่ โดยเพจดังกล่าวโจมตีถึง ผอ.บัดซบขอให้เด็กหญิง 12 ปีลาออกจากโรงเรียน
ในกรณีดังกล่าว ผอ.(นางสาวนารีรัตน์ ปุวรัตน์) ได้รายงานให้ ดร.ภาณุพงศ์ ทราบ พร้อมกับเดินทางไปยัง สภ เมืองสระบุรี หลังเที่ยงคืน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเพจดังกล่าวและผู้ที่โพสต์ คอมเม้นท์ต่อว่าและนำเอารูปของ ผอ.มาโพสต์โจมตี ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ก่อให้เกิดการเข้าใจผิดว่าทาง ผอ.ได้ให้เด็กหญิง 12 ปี ลาออก ซึ่งความเป็นจริง ผอ.ได้กล่าวว่า ทราบว่าเมื่อวาน (21/12/61) เด็กหญิงดังกล่าวได้แต่งตัวมาโรงเรียน ซึ่งทาง ผอ.ทราบได้ดูแลเป็นกรณีพิเศษ สืบเนื่องจากเป็นข่าวอาจทำให้อับอายต่อเพื่อน จึงได้นำเด็กมาในห้องทำงานของผอ.เพื่อสอบถามเพื่อให้เด็กมีสภาพจิตใจดีขึ้น พร้อมถามว่า “กินข้าวเช้ามาหรือยัง” เด็กบอกว่ายัง ผอ.ยังนำอาหารเช้ามาให้ พร้อมทั้งให้กินยาที่ทางเด็กหญิงติดตัวมาด้วย เด็กบอกว่าง่วงเพราะฤทธิ์ยาจึงได้พาตัวไปนอนพักที่ห้องพยาบาล ในช่วงบ่ายมารดาซึ่งโรงเรียนยังไม่เลิกมารดาของเด็กหญิงได้มารับตัวกลับไป ช่วงเย็นในวันเดียวกันหลังเลิกเรียน นายก๊อดผู้เป็นพ่อได้เดินมาที่โรงเรียนเพื่อจะรับลูกสาวกลับแต่ทราบว่ามารดารได้รับตัวกลับไปก่อนแล้วในช่วงบ่าย ด้านบิดาได้ถามว่าน้องมีสภาพจิตใจเป็นอย่างไรบ้าง ตนได้ตอบว่าได้พูดคุกันดี แต่ทางเราไม่ได้ปล่อยให้เด็กไปคลุกคลีกับนักเรียนคนอื่นๆ แต่ไม่มีการให้น้องนักเรียนที่เป็นข่าวลาออกแต่อย่างไร ซึ่งไม่ทราบว่าจะเป็นการสื่อสารที่คาดเคลื่อนหรืออย่างไร
ในขณะเดียวกัน นางประภัสสร วงษ์ถนอม อายุ 67 ปี ประธานชุมชนหลังวัดทองพุ่มพวง (อดีตเป็นครู) สอนอยู่ที่ โรงเรียนเทศบาล 1 มาก่อน ผู้ที่ได้ดำเนินการย้าย ด.ญ.วัย 12 ปีผู้เสียหายในคดีนี้ จากโรงเรียนใน ต.หินกอง อ.หนองแค จ.สระบุรีที่อยู่ในอุปการะของ (ยาย) มาเข้าเรียน ที่ โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดทองพุ่มพวง) ตามคำขอร้องของ (ยาย) และ มารดา ของผู้เสียหาย ซึ่งอ้างว่า เด็กต้องการมาเรียนที่อยู่ใกล้แม่ ในเขตเทศบาลเมืองสระบุรี
นางประภัสสร เปิดเผยต่อไปว่า พ่อ-และแม่ ของ ด.ญ.ผู้เสียหาย เป็นลูกศิษย์ตนมาก่อน ตนทราบประวัติดี ความจริงแล้ว พ่อ.แม่ ได้เลิกกันไปนานแล้วตั้งแต่ ผู้เสียหายยังเล็กๆอยู่ ฝ่ายแม่ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ฝ่ายพ่อ ทราบว่าได้มีการส่งเสียดูแล ด.ญ.ผู้เสียหายอยู่บ้าง หลังจากย้ายจากโรงเรียน ที่หินกอง มาอยู่ที่โรงเรียนเทศบาล 1 เมื่อราวเดือน พ.ย.61 ที่ผ่านมา ตนก็ได้รับแจ้งจาก ครูว่า เด็กมักขาดการเรียนเป็นประจำ ตนได้ติดตามไปที่บ้านจึงพบว่า เด็กมักติดเล่นโทรศัพท์นอนดึก จึงตื่นสายแม่ก็ไม่เรียกให้ตื่น ส่วนเรื่องคดีความและเรื่องที่ไปถูกกลุ่มวัยรุ่นกระทำมิดีมิร้ายนั้นตนไม่ทราบ แต่ในความจริงซึ่ง มีการใช้สื่อโชเชียลกล่าวหาโจมตีโรงเรียนเทศบาล 1 (วัดทองพุ่มพวง) นั้น ตนรับไม่ได้และอยากทราบว่า ทำไปแล้วได้อะไร ทั้งๆที่โรงเรียนก็ได้พยายามใส่ใจให้ความดูแล ด.ญ.ผู้เสียหายอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ใครจะว่าอย่างไรก็ตามตนอยากให้สังคมมองด้วยความเป็นกลาง ใช้วิจารณญาณเสพสื่อโดยยึด”ข้อเท็จจริง” ที่ตนออกมาพูดด้วยก็เพราะว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องและทราบภูมิหลังของครอบครัวผู้เสียหายดี มิได้เจตนาซ้ำเติมผู้เสียหายแต่อย่างใด และอยากพบ “พ่อ” ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้”โพสต์” ข้อความต่างๆ รวมถึงไลท์สดๆ ในทำนอง ฟ้องสังคมว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมต่างๆนา ทั้งๆที่การดำเนินการต่างๆก็เป็นไปตามกระบวนการของกฏหมายอยู่แล้ว และมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ทั้งๆที่จะเป็นผู้ปลอบประโลม ลูกสาวของตนเองที่ได้รับผลกระทบมากกว่าที่จะ นำเรื่องของผู้เสียหายมาประจานไม่หยุดเช่นนี้.
/
ดำรงค์ชื่นจินดารายงาน