นายสุรภาส วิเชียร โฆษกพรรคภราดรภาพ กล่าวว่า การขับเคลื่อนประเทศ เราจะต้องตามให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มันมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น เทคโนโลยีถือเป็นปัจจัยสำคัญจากนี้ไปถึงอนาคต เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำเข้ามาพัฒนาประเทศ และทำให้ประเทศขับเคลื่อนไป ประเทศไทยของเราหยุดนิ่งอยู่กับที่มานานกว่า 10 ปีแล้ว มันวนเวียนอยู่กับความขัดแย้งแย่งชิงวนอยู่กับที่ไม่ไปไหนเลย มันยังอยู่ในวังวนเดิม จะทำอย่างไรให้ประเทศเราก้าวหน้าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้
ทั้งนี้ ตนมองว่า กติกาของบ้านเมืองกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆในประเทศไทยเรามีมากกว่า 3 หมื่นฉบับซึ่งบางฉบับที่ออกมาเมื่อ 40-50 ปีที่แล้วยังใช้บังคับอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และพัฒนาคน เราต้องมีการแก้ไข เพราะว่าในปัจจุบันนโยบายต่างๆ หรือในอนาคตที่จะถึงนี้ มันถูกจำกัด ในการที่จะบริหารงานต่างๆ มันถูกจำกัดโดยกติกาของกฎหมาย เพราะฉะนั้นต้องมีการแก้ไขให้ทันสมัยทันต่อโลกและไม่ละเมิดสิทธิ์ กฎหมายสำคัญๆ ที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ เราต้องช่วยกันทำให้ประเทศไทยก้าวทันความเปลี่ยนแปลง ด้วยการทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
พรรคภราดรภาพมีเป้าหมายสำคัญคือ มุ่งแก้ไข ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
ตนคิดว่าเรื่องเหล่านี้ เราอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมดในเวลาอันสั้น แต่พรรคภราดรภาพคจะร่วมทำไปกับพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้เหลือความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด เท่าที่เราจะสามารถทำได้ การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน เราจะมาช่วยกันทำให้คนในประเทศและกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Y ที่ไม่ใช่เฉพาะอยู่ในเมืองหลวง ต้องทำให้ที่อยู่ในต่างจังหวัดด้วย ได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองได้เหมือนกับคน Gen Y ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ต้องเดินไปด้วยกันโดยมาพร้อมกับการเคารพซึ่งกันและกัน ให้ความสำคัญกับเสียงของคนส่วนใหญ่เป็นหลัก แต่ต้องไม่ลืมที่จะปกป้องสิทธิเสรีภาพของเสียงส่วนน้อยด้วย และเราจะมาร่วมกันคิดร่วมกันหาวิธีป้องกันและแก้ไขมิให้คนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศในอนาคตรู้สึกละอายใจต่อการที่ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน “สุรภาส”กล่าว
“บิ๊กแดง”ไม่หวั่น 4 รมต.จะลาออกหรือไม่ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพรรค เชื่อเลือกตั้งเรียบร้อย ไม่มีเหตุซ้ำรอย”พฤษภาทมิฬ”
“บิ๊กแดง” พลโท ชุมพร วิเชียร
ประธานที่ปรึกษาพรรคภราดรภาพ
กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ถือว่ากำลังก้าวไปสู่การเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งนานาชาติติดตามเฝ้าดูประเทศไทยของเราอยู่ ตนไม่อยากเห็นการใส่ร้ายป้ายสี หรือการกระทำใดใดที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง หรือตามที่มีข่าวกรณีที่ “นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการวิเคราะห์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจทำให้ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ” ตนเชื่อว่าการเลือกตั้งคราวนี้ จะต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บ้านเมืองต้องก้าวไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น
ส่วน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. และ 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ควรลาออกจากตำแหน่งหรือไม่
พลโท.ชุมพร กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าเขาปฏิบัติตามกฎหมายแล้วเราบอกยังไม่พอ จะต้องให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้อีก มันก็คงไม่มีที่สิ้นสุด มันไม่จบ ตนคิดว่าเมื่อกฎหมายมีไว้อย่างไร ก็ควรทำตามกฎหมาย จะดีที่สุด ทั้งนี้ การไม่ลาออกของ 4 รัฐมนตรี ตนว่าก็ไม่น่าจะเป็นการได้เปรียบหรือเสียเปรียบพรรคการเมืองอื่นแต่อย่างใด เพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกจากที่มีการยึดอำนาจโดยคสช.
มีคนถามว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกหรือไม่
พลโท ชุมพรฯ กล่าวว่า เป็นเพื่อน เตรียมทหารรุ่นเดียวกัน ตนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ฯ เต็มตัวอยู่แล้ว เพราะต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ฯ ได้บริหารราชการแผ่นดินในช่วงรอยต่อให้เรียบร้อย เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
แต่การเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นคราวนี้ พรรคภราดรภาพ เป็นพรรคของพี่น้องประชาชน ก็จะต้องฟังเสียงของพี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคมีอุดมการณ์และเป้าหมายที่ชัดเจนคือการนำประเทศไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ เน้นต้องปฏิรูปประเทศในทุกๆด้านฉะนั้น ใครจะมาเป็นนายกฯ พรรคภราดรภาพก็ยินดีเข้าไปร่วมงานด้วย แต่ก็ต้องคุยกันว่าอุดมการณ์เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับพรรคภราดรภาพหรือไม่ หากแนวทางไม่ตรงกัน พรรคภราดรภาพก็อาจจะไม่สามารถไปร่วมงานด้วย คงต้องฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชนและคนในพรรคด้วย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน